เมืองคาร์ดิฟฟ์ เป็นเมืองหนึ่งในประเทศเวลส์ที่มีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาจากยานพาหนะมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปี 2018 ยานพาหนะบนท้องถนนภายในเมืองนั้นปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 645 กิโลตันเลย ซึ่งอย่างที่เป็นที่รู้กันว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์นั้นจะทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน

ทำให้ตอนนี้เมืองคาร์ดิฟฟ์ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยการระงับการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันทั้งหมดภายในปี 2030 และจะเพิ่มจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นโดยตั้งเป้าไว้ว่า 9 จาก 10 ของปริมาณรถยนต์นั้นจะต้องเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2035 แต่การที่มีรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นนั้นทำให้เมืองคาร์ดิฟฟ์จำเป็นที่จะต้องตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน 

เมืองคาร์ดิฟฟ์ เดินหน้าสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นกว่าเดิม

เมืองคาร์ดิฟฟ์กำลังเดินหน้าที่จะสร้าง ข่าวเทคโนโลยีล่าสุด สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้น โดยตอนนี้ภายในเมืองมีสถานีชาร์จน้อยกว่า 100 สถานี และจะมีการสร้างเพิ่มขึ้นโดยในอีก 4 ปีข้างหน้า Flash หยุดทำงาน พารถไฟจีนหยุดวิ่งเกือบ 20 ชั่วโมงกว่า

เมืองคาร์ดิฟฟ์จะต้องการสถานีชาร์จประมาณ 10,000 สถานีและในปี 2030 จะต้องมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ได้มากถึง 40,000 สถานีเลยทีเดียวเพื่อรองรับกับปริมาณรถยนต์ไฟฟ้าที่จะมีมากขึ้นในอนาคตข้างหน้านี้ รัฐบาลของประเทศเวลส์ก็ได้มีแผนการที่จะทำให้เมืองคาร์ดิฟฟ์กลายเป็นเมืองที่ไม่มีการปล่อยมลพิษใด ๆ เลย (Net Zero) ภายในปี 2030 เช่นเดียวกัน

ซึ่งเมืองคาร์ดิฟฟ์คงมีแผนการอื่น ๆ อีกเพื่อแก้ไขปัญหาสภาวะโลกร้อนที่ดูเหมือนว่าจะมีความรุนแรงมากขึ้นจากอดีตเป็นอย่างมาก นอกจากประเทศเวลส์ในหลาย ๆ ประเทศตอนนี้ก็กำลังมีแผนการที่จะลดการปล่อยมลพิษเช่นเดียวกันและหันมาใช้พลังงานที่เป็นพลังงานหมุนเวียนและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่วนหนึ่งของแผนการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทั้งโลกนั้นมีลักษณะเดียวกันก็คือการใช้รถยนต์ไฟฟ้าแอร์รถยนต์ใช้พลังงานน้ำมันที่เป็นพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป 

โลกของเราถือว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดดังนั้นเราจึงควรช่วยกันลดการปล่อยมลพิษให้ได้มากที่สุดเพื่อให้โลกของเรามีความน่าอยู่มากขึ้น บางทีการช่วยกันคนละไม้คนละมือเพื่อช่วยโลกให้น่าอยู่มากขึ้น เมื่อร่วมใจร่วมมือกันทำก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ และโลกของเราก็คงจะน่าอยู่มากขึ้นอย่างแน่นอน joker8899